กฎแห่งกรรม (ตอนที่ 2)
"กรรม" คนส่วนมากมักมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี มีแต่โทษไม่ให้คุณ และก็ยังเป็นความเชื่อกันโดยมากถึงปัจจุบัน เพราะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นส่วนมากคนเราก็มักจะโทษ "กรรม"
แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น "กรรม" เป็นคำที่มีความหมายกลางๆ ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาหมายถึง "การกระทำ"
"กรรม" จึงแบ่งเป็น ๒ ประเภทด้วยกัน คือ "กุศลกรรม" หรือกรรมดี คือการสร้างความดี
และ "อกุศลกรรม" หรือกรรมชั่ว คือการทำในสิ่งที่ผิด ไม่ดี ไม่ปฏิบัติตนอยู่ในศีล๕
ซึ่งในทางพระพุทธศาสนานั้น "กรรม" ไม่ใช่สิ่งที่เกิดแล้วจะเห็นผลทันตา หรือทันทีทันใดแล้วจะหมดสิ้นไป แต่...จะติดตัวหรือจิต(ดวงวิญญาณ) ของบุคคลผู้นั้นไปตลอด ทั้งชาติภพนี้และต่อๆไปจนกว่าจะหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง
พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมไว้ว่า...
หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม...
ชาติหน้าก็จะไม่ได้เกิดเป็นคนอีก (เกิดในอบายภูมิ)
หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม...
ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน
หากใครคอยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม...
ก็จะเจริญยิ่งๆขึ้นไปชั่วลูกชั่วหลาน
หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม...
เคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว
หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม...
ทุกๆชาติไปจะเป็นบุคคลที่มีปัญญาเลิศ
หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎแห่งกรรม...
ชาติหน้า ไปถึงไหนก็มีแต่คนนับถือ
หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรม...
ชาติหน้า จะมีกายมงคลรุ่งโรจน์
อย่าพูดว่ากฎแห่งกรรมไม่มีใครเห็น...
เพราะกรรมถ้าสนองเร็ว ก็ตกที่ตัวเอง ถ้ากรรมสนองช้า ก็ตกที่ลูกหลาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น